Latest update พฤศจิกายน 14th, 2024 12:33 PM
พ.ย. 10, 2024 admin ข่าวประชาสัมพันธ์ 0
หากมองย้อนกลับไปในยุค 90s ยุคที่เฟื่องฟูของวงการเพลงและเป็นจุดเริ่มต้นของการกำเนิดศิลปินที่มีพรสวรรค์มากมายจนนำไปสู่ปรากฏการณ์ที่น่าจดจำของวงการเพลงป๊อปไทย อย่างไรก็ตาม ในยุคนั้นศิลปินไทยที่มีชื่อเสียงในต่างประเทศยังมีจำนวนไม่มาก ซึ่งต่างจากยุคปัจจุบันที่โลกของดนตรีเปิดกว้างและไร้พรมแดน มีการเปิดรับแนวเพลงใหม่ ๆ เข้ามา ทำให้เกิดการเรียนรู้และนำมาต่อยอดสู่การพัฒนาแนวเพลงให้มีเอกลักษณ์และมีความน่าสนใจมากขึ้น จนมาถึงในยุคของวงการ Thai Pop หรือ T-Pop ซึ่งเป็นความสำเร็จ อีกขั้นของวงการเพลงไทยที่กำลังจะเติบโตและก้าวไปสู่เวทีโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งบทบาทของโครงการ Music Exchange ที่เป็นเสมือนสะพานเชื่อมระหว่างศิลปินไทยกับโอกาสในเวทีดนตรีระดับนานาชาติ
โครงการ Music Exchange เป็นอีกหนึ่งในกลไกสำคัญที่ช่วยผลักดันศิลปินไทยสู่เวทีระดับโลก ซึ่งริเริ่มโดยสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ หรือ CEA ร่วมกับคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านดนตรี โครงการนี้ไม่เพียงส่งเสริมการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมดนตรีเท่านั้น แต่ยังเปิดโอกาสให้ศิลปินไทยได้ร่วมงานกับศิลปินและโปรดิวเซอร์ระดับนานาชาติ และสร้างเครือข่ายในอุตสาหกรรมเพลงระดับโลก ซึ่งความสำเร็จของโครงการนี้เห็นได้จากการส่งศิลปินไทยไปร่วมแสดงในงานสำคัญในต่างประเทศมากมาย รวมจำนวนทั้งสิ้น 48 ศิลปิน/วง ทั้งหมด 46 เทศกาล ประกอบด้วยเทศกาลดนตรีระดับนานาชาติ ซึ่งเป็นงานแสดงดนตรีที่มุ่งเป้าเพื่อการค้าและผู้ชมเป็นหลัก ( Music Festival) และงานแสดงดนตรีที่มุ่งเป้าด้านโอกาสทางธุรกิจระหว่างค่ายเพลง/ศิลปิน/ผู้จัดเทศกาล (Music Conference/Showcase Festival) อาทิเช่น เทศกาล 2024 Vagabond Festival ไต้หวัน, เทศกาล JAM JAM ASIA ไต้หวัน, เทศกาล Offside Festival 2024 ประเทศจีน, เทศกาล HOI MUSIC FESTIVAL ประเทศเวียดนาม, เทศกาล Hypefest Hong Kong 2024 ฮ่องกง, เทศกาล Minami Wheel 2024 ประเทศญี่ปุ่น, เทศกาล Nakasu Jazz ประเทศญี่ปุ่น เป็นต้น
นอกจากนี้ โครงการดังกล่าวยังมีกิจกรรมจับคู่ธุรกิจและสร้างเครือข่ายของผู้จัด ผู้คัดเลือกศิลปิน และเอเจนซี่ ระหว่างเทศกาลดนตรีในประเทศเป้าหมายมายังเทศกาลดนตรีในประเทศไทย การสร้างความสัมพันธ์และเปิดมุมมองใหม่นี้ช่วยให้ผู้จัดเทศกาลดนตรีจากต่างประเทศได้ค้นพบศิลปินไทยหน้าใหม่ และเข้าใจวัฒนธรรมดนตรีไทยอย่างลึกซึ้ง ตลอดจนส่งผลให้ศิลปินไทยได้รับโอกาสรับเชิญไปร่วมแสดงในเวทีระดับโลกมากยิ่งขึ้น
การเปลี่ยนแปลงจากยุค 90s สู่ยุค T-Pop สะท้อนถึงพัฒนาการอันรวดเร็วของวงการเพลงไทย จากการมุ่งเน้นตลาดภายในประเทศ สู่การสร้างชื่อเสียงในระดับนานาชาติ ปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนความสำเร็จนี้ประกอบด้วยการสนับสนุนจากภาครัฐ การพัฒนากลยุทธ์ทางการตลาด และการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัล นอกจากนี้ การผลักดันให้ศิลปินไทยได้แสดงบนเวทีระดับนานาชาติก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน ในขณะเดียวกัน การสร้างเครือข่ายและเปิดโอกาสให้ผู้จัดเทศกาลดนตรีจากต่างประเทศได้สัมผัสประสบการณ์ดนตรีในประเทศไทย ก็เป็นอีกกลไกสำคัญในการเชื่อมโยงวงการเพลงไทยกับตลาดโลก ด้วยเหตุนี้ โครงการ Music Exchange จึงถือเป็นตัวอย่างของความพยายามในการยกระดับอุตสาหกรรมดนตรีไทยสู่มาตรฐานสากล โดยเป็นสะพานเชื่อมระหว่างศิลปินไทยกับโอกาสในเวทีดนตรีระดับนานาชาติ ซึ่งไม่เพียงแต่เปิดประตูสู่ความสำเร็จให้กับศิลปินเท่านั้น แต่ยังสร้างความภาคภูมิใจและกระตุ้นการเติบโตของอุตสาหกรรมดนตรีไทยในภาพรวมอีกด้วย
ทั้งนี้ผู้สนใจสามารถติดตามความเคลื่อนไหวล่าสุดและโอกาสในการสนับสนุนวงการดนตรีของไทย รวมถึงรายละเอียดโครงการ Music Exchange ได้ที่เว็บไซต์ www.cea.or.th และเฟซบุ๊กhttps://www.facebook.com/CreativeEconomyAgency
ข่าว Lek..Yotita
โอดี้NEWS รายงาน
พ.ย. 14, 2024 0
พ.ย. 14, 2024 0
พ.ย. 14, 2024 0