Latest update พฤศจิกายน 23rd, 2024 1:38 PM
ก.ย. 16, 2022 admin ข่าวสังคม 0
วันนี้ (16 กันยายน 2565) เวลา 08.30 น. พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลการจัดการขยะมูลฝอยชุมชน “จังหวัดสะอาด” ระดับประเทศ ประจำปี 2563 และ 2565 โดยมี นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านพัฒนาชุมชนและส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น นายสมคิด จันทมฤก อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นายทวี เสริมภักดีกุล รองอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้แทนส่วนราชการ หน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน และผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เข้าร่วมพิธี ณ สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ . พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า การจัดการประกวดและมอบรางวัลการจัดการขยะมูลฝอยชุมชน “จังหวัดสะอาด” ได้ดำเนินการต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2560 เพื่อติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงานการบริหารจัดการขยะมูลฝอยชุมชน ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลที่กำหนดให้เป็นวาระแห่งชาติ รวมถึงเพื่อสร้างขวัญกำลังใจและยกย่อง เชิดชูเกียรติ แก่จังหวัด อำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีผลการจัดการขยะมูลฝอยดีเด่น โดยจังหวัดที่ได้รับรางวัลชนะเลิศในแต่ละกลุ่มจังหวัด จะได้รับโล่รางวัลประกาศเกียรติคุณ พร้อมเงินรางวัล 500,000 บาท รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้รับโล่รางวัลประกาศเกียรติคุณ พร้อมเงินรางวัล 400,000 บาท และรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้รับโล่รางวัลประกาศเกียรติคุณ พร้อมเงินรางวัล 250,000 บาท และรางวัลชมเชย ได้รับโล่ประกาศเกียรติคุณ พร้อมเงินรางวัล 50,000 บาท . พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า นับเป็นโอกาสสำคัญอีกครั้งหนึ่ง และเป็นที่น่ายินดีที่กระทรวงมหาดไทยได้จัดให้มี พิธีมอบรางวัลการจัดการขยะมูลฝอย “จังหวัดสะอาด” ประจำปี 2563 และ 2565 ซึ่งรางวัลดังกล่าวเป็นภาพสะท้อนความก้าวหน้าในการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล ทั้งในเรื่องของการบริหารจัดการขยะมูลฝอยอย่างเป็นระบบ อันช่วยส่งเสริมให้เกิดสุขอนามัยและสภาพแวดล้อมที่ดี ต่อการยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนชาวไทยทุกคน รวมถึงการส่งเสริมและพัฒนาบทบาทขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้สามารถบริหารจัดการตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ . พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นคงไม่สามารถดูแลแก้ไขปัญหาขยะมูลฝอยได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากขาดความร่วมมือของทุกภาคส่วนที่มีความเกี่ยวข้อง อันประกอบด้วย ภาครัฐ ภาคศาสนา ภาควิชาการ ภาคประชาชน ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และภาคสื่อสารมวลชน ร่วมสร้างจิตสำนึกและการมีส่วนร่วมเพื่อนำไปสู่การบริหารจัดการขยะมูลฝอยที่มีความยั่งยืน ดังนั้น การแก้ไขปัญหาขยะมูลฝอยเป็นเรื่องที่ทุกจังหวัดต้องเดินหน้าขับเคลื่อนให้เกิดการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องและจริงจัง นอกจากส่งเสริม รณรงค์สร้างจิตสำนึกให้แก่ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการขยะต้นทางแล้ว การสร้างนวัตกรรมหรือกิจกรรมใหม่ๆ ในการจัดการขยะกลางทาง และขยะปลายทาง ทั้งรูปแบบการบริหารจัดการขยะโดยใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ การบริหารจัดการในรูปของกลุ่ม Cluster เป็นต้น จังหวัดที่ได้รับรางวัลในวันนี้ได้ทำให้เห็นเด่นชัดอย่างเป็นรูปธรรมมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจังหวัดลำพูน ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นจังหวัดต้นแบบการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนยั่งยืน เนื่องจากมีผลงานดีเด่นต่อเนื่อง 4 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ 2560 เป็นต้นมา รวมถึงจังหวัดอื่นๆ ที่ได้รับรางวัล 2 ปีต่อเนื่อง . ด้าน นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ในคราวการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2559 ได้มีมติเห็นชอบแผนแม่บทการบริหารจัดการขยะมูลฝอยของประเทศ เพื่อใช้เป็นกรอบและทิศทางในการดำเนินการแก้ไขปัญหาขยะมูลฝอย ขยะอันตรายของประเทศ โดยเน้นการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน มุ่งสู่การแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน ลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม โดยกระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลัก จึงเป็นภารกิจสำคัญที่กระทรวงมหาดไทยจะต้องขับเคลื่อนตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว ในการนี้ กระทรวงมหาดไทยจึงได้จัดทำแผนปฏิบัติการจัดการขยะมูลฝอยชุมชน “จังหวัดสะอาด” ตั้งแต่ปี 2560 จนถึงปัจจุบัน ดำเนินการผ่านจังหวัด อำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ด้วยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ภายใต้หลักการ “ใช้น้อย ใช้ซ้ำ และนำกลับมาใช้ใหม่” โดยแบ่งเป็น 3 ระยะดำเนินการ ได้แก่ 1) “ต้นทาง” การลดปริมาณขยะ และส่งเสริมการคัดแยกขยะมูลฝอย ณ แหล่งกำเนิด 2) “กลางทาง” คือ การเพิ่มประสิทธิภาพ การเก็บ ขน ขยะมูลฝอย ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอย่างมีประสิทธิภาพ และ 3) “ปลายทาง” คือ ขยะได้รับการกำจัดอย่างถูกต้อง ตามหลักวิชาการ เพื่อเป็นการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงานของจังหวัด กระทรวงมหาดไทยจึงได้จัดทำโครงการประกวดและมอบรางวัลการจัดการขยะมูลฝอยชุมชน “จังหวัดสะอาด” ขึ้น เพื่อยกย่องและเชิดชูเกียรติให้แก่หน่วยงานและประชาชนในพื้นที่ ที่ได้ร่วมแรงร่วมใจในการบริหารจัดการขยะมูลฝอย ซึ่งได้คัดเลือกจังหวัดที่มีการปฏิบัติงานดีเด่น ระดับประเทศ ใน 5 ภูมิภาค รวม 41 รางวัล ดังนี้ . สำหรับในปี 2563 ผลการคัดเลือกจังหวัดที่มีการจัดการขยะมูลฝอยชุมชน “จังหวัดสะอาด” ระดับประเทศ ประจำปี 2563 แบ่งเป็น 5 กลุ่มจังหวัด ดังนี้ 1) กลุ่มจังหวัดภาคเหนือ รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ จังหวัดลำพูน รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 ได้แก่ จังหวัดอุทัยธานี รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 ได้แก่ จังหวัดพิจิตร รางวัลชมเชย ได้แก่ จังหวัดสุโขทัย โดยจังหวัดลำพูนที่ได้รับรางวัลชนะเลิศในปีนี้ นับว่าเป็นการคว้ารางวัลชนะเลิศต่อเนื่องกันเป็นปีที่ 4 แล้ว 2) กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ จังหวัดยโสธร รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 ได้แก่ จังหวัดศรีสะเกษ รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 ได้แก่ จังหวัดอุดรธานี รางวัลชมเชย ได้แก่ จังหวัดอุบลราชธานี 3) กลุ่มจังหวัดภาคกลางและภาคตะวันตก รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ จังหวัดนนทบุรี รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 ได้แก่ จังหวัดสิงห์บุรี รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 ได้แก่ จังหวัดลพบุรี รางวัลชมเชย ได้แก่ จังหวัดอ่างทอง 4) กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ จังหวัดจันทบุรี รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 ได้แก่ จังหวัดระยอง รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 ได้แก่ จังหวัดสมุทรปราการ รางวัลชมเชย ได้แก่ จังหวัดตราด และ 5) กลุ่มจังหวัดภาคใต้ รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ จังหวัดสตูล รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 ได้แก่ จังหวัดนครศรีธรรมราช รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 ได้แก่ จังหวัดชุมพร รางวัลชมเชย ได้แก่ จังหวัดภูเก็ต . และสำหรับผลการคัดเลือกจังหวัดที่มีการจัดการขยะมูลฝอยชุมชน “จังหวัดสะอาด” ระดับประเทศ ประจำปี 2565 แบ่งเป็น 5 กลุ่มจังหวัด ดังนี้ 1) กลุ่มจังหวัดภาคเหนือ รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ จังหวัดพิษณุโลก รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 ได้แก่ จังหวัดแพร่ รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 ได้แก่ จังหวัดพิจิตร รางวัลชนะเลิศ อันดับที่ 3 ได้แก่ จังหวัดอุทัยธานี 2) กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ จังหวัดยโสธร รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 ได้แก่ จังหวัดศรีสะเกษ รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 ได้แก่ จังหวัดอุบลราชธานี รางวัลชนะเลิศอันดับที่ 3 ได้แก่ จังหวัดสกลนคร 3) กลุ่มจังหวัดภาคกลางและภาคตะวันตก รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ จังหวัดสระบุรี รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 ได้แก่ จังหวัดสิงห์บุรี รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 ได้แก่ จังหวัดสมุทรสงคราม รางวัลชนะเลิศอันดับที่ 3 ได้แก่ จังหวัดนนทบุรี 4) กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ จังหวัดจันทบุรี รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 ได้แก่ จังหวัดตราด รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 ได้แก่ จังหวัดสมุทรปราการ รางวัลชนะเลิศอันดับที่ 3 ได้แก่ จังหวัดระยอง และ 5) กลุ่มจังหวัดภาคใต้ รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ จังหวัดยะลา รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 ได้แก่ จังหวัดสตูล รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 ได้แก่ จังหวัดกระบี่ รางวัลชนะเลิศอันดับที่ 3 ได้แก่ จังหวัดตรัง . จากนั้น พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เยี่ยมชมการจัดแสดงนิทรรศการถอดบทเรียนความสำเร็จของจังหวัดที่ได้รับรางวัลชนะเลิศทั้ง 5 กลุ่มจังหวัด และกล่าวว่า “ขอชื่นชมกับความสำเร็จของจังหวัดที่ได้รับรางวัลในวันนี้ แสดงให้เห็นอย่างเด่นชัดถึงความจริงจังในการจัดการปัญหาขยะของทุกจังหวัด ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดได้นำแนวทางการบริหารจัดการนี้ ไปปรับใช้ในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในด้านอื่นๆ รณรงค์ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ ความตระหนักในการจัดการขยะที่ถูกต้องตามหลักวิชาการ สร้างบ้านเมืองที่สะอาด สวยงาม สร้างความเข้มแข็งให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดทำบริการสาธารณะตามอำนาจหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยของเราให้มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน” #โอดี้NEWSรายงาน#โอดี้FMมีเดียประเทศไทย .
พ.ย. 23, 2024 0
พ.ย. 23, 2024 0
พ.ย. 21, 2024 0
พ.ย. 21, 2024 0
พ.ย. 21, 2024 0