Latest update พฤศจิกายน 23rd, 2024 1:38 PM
ก.ค. 01, 2022 admin ข่าวสังคม 0
วันนี้ (1 กรกฎาคม 2565) เวลา 11.00 น. ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล คณะนักธุรกิจฝรั่งเศส นำโดย นายฟรองซัวส์ กอร์แบง (Mr. François Corbin) รองประธานสภานายจ้างฝรั่งเศสในต่างประเทศ (Mouvement des Entreprises de France: MEDEF : MEDEF International) เข้าเยี่ยมคารวะ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทย โดยคณะนักธุรกิจฝรั่งเศสที่เข้าเยี่ยมคารวะในครั้งนี้เป็นระดับผู้บริหารจากบริษัทชั้นนำในสาขาต่าง ๆ อาทิ วิศวกรรมก่อสร้างและวิศวกรรมยานยนต์ ระบบและเทคโนโลยีด้านการคมนามคมขนส่งทางบก/ทางทะเล อากาศยานและอวกาศยาน การผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด/พลังงานทดแทน การบริหารจัดการน้ำและของเสีย การบริหารจัดการพลังงาน เป็นต้น นายกรัฐมนตรีกล่าวต้อนรับคณะ ยินดีที่ทราบว่าประเทศไทยเป็นประเทศแรกในภูมิภาคอาเซียนที่คณะเดินทางมาเยือน หลังจากที่ว่างเว้นเนื่องจากสถานการณ์โควิด – 19 พร้อมย้ำว่า การเยือนของคณะถือว่ามีความสำคัญ เนื่องจากเป็นกิจกรรมหลักที่จัดขึ้นภายหลังการลงนามในแผนการ (Roadmap) สำหรับการดำเนินความสัมพันธ์ไทย-ฝรั่งเศส (ค.ศ. 2022-2024) ที่จะนำไปสู่การยกระดับความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างสองประเทศภายในปี 2567 ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีชื่นชมความร่วมมือที่ใกล้ชิดระหว่างภาคเอกชนไทยและฝรั่งเศส โดยเฉพาะสภาธุรกิจฝรั่งเศส-ไทย และสภานายจ้างฝรั่งเศสในต่างประเทศ เชื่อมั่นว่าคณะฯ เห็นถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการปฏิรูป และปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไทยในช่วงเวลาที่ผ่านมา และมั่นใจว่ารัฐบาลพร้อมพัฒนาความร่วมมือ จะได้เห็นศักยภาพและโอกาสความร่วมมือด้านเศรษฐกิจอีกมากมาย โดยเฉพาะการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายในโครงการ EEC ด้านเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทยขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ร่วมให้การต้อนรับคณะฯ ในวันนี้ MEDEF International เป็นองค์กรภาคเอกชนที่ใหญ่ที่สุดของฝรั่งเศส ซึ่งเมื่อวานนี้ (30 มิถุนายน 2565) ได้มีการประชุมสภาธุรกิจฝรั่งเศส – ไทย ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้หารือถึงสาขาความร่วมมือที่มีศักยภาพ และพัฒนาเพื่อเป็นประโยชน์ร่วมกัน โดยมีผลการประชุมที่สำเร็จเห็นผลที่เป็นรูปธรรมอย่างยิ่ง ในขณะที่รองประธาน MEDEF International ระบุว่า คณะนักธุรกิจที่ร่วมเดินทางมาในครั้งนี้มาจากหลากหลายสาขา เพราะตระหนักดีถึงศักยภาพด้านเศรษฐกิจของไทยที่เห็นช่องทางความร่วมมือได้มาก และบริษัทฝรั่งเศสมีความสนใจที่จะแสวงหาการลงทุนเพิ่มเติม เนื่องจาก 1. ไทยและฝรั่งเศสมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น มีความไว้เนื้อเชื่อใจ และมีความใกล้ชิด มากว่า 30 ปี 2. ไทยมีที่ตั้งที่มีมีที่ตั้งซึ่งมีศักยภาพเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค มีขีดความสามารถ เป็นตลาดที่น่าสนใจ และน่าดึงดูดสำหรับนักลงทุน มีการปฏิรูป ปรับปรุงนโยบายที่ทันสมัยเอื้อต่อการลงทุน และ 3. ภาคเอกชนฝรั่งเศสมั่นใจในโอกาสเพื่อสร้างความร่วมมือ โดยมองว่าไทยกำลังเติบโต และมีพัฒนาการเชิงบวกในหลายๆ ด้าน อาทิ สาธารณสุข การเกษตร เป็นต้น ทั้งนี้ ฝรั่งเศสพร้อมให้การสนับสนุนไทย โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจ และยินดีสานต่อความร่วมมืออย่างรอบด้าน โดยเฉพาะการผลิต พัฒนา และเสริมสร้างบุคลากรของไทย นายกรัฐมนตรีได้กล่าวเสริมว่า โลกกำลังเผชิญกับความท้าทายด้านเศรษฐกิจ รวมถึงความมั่นคงทางอาหารและพลังงาน ซึ่งรัฐบาลไทยไม่ได้นิ่งนอนใจและอยู่ระหว่างจัดทำมาตรการด้านเศรษฐกิจ เพื่อลดผลกระทบที่จะมีต่อภาคธุรกิจและประชาชน พร้อมให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และความยั่งยืนของทรัพยากร และความหลากหลายทางชีวภาพ ซึ่งตัวแทนภาคเอกชนฝรั่งเศสกล่าวว่า ครั้งนี้ถือเป็นโอกาสสำคัญสำหรับความร่วมมือของทั้งสองประเทศ โดยภาคเอกชนฝรั่งเศสชื่นชมแนวความคิด และนโยบายดำเนินการสู่เป้าหมายในการบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน ของนายกรัฐมนตรี พร้อมยืนยันว่าภาคเอกชนฝรั่งเศสมุ่งมั่นแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ให้ความสำคัญกับพลังงานสะอาด และเชื่อว่าไทยมีศักยภาพในด้านพลังงานทดแทน และมีพัฒนาการในด้านนี้เด่นชัดเป็นอย่างมาก ด้านการส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทยกับฝรั่งเศส นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ทั้งสองฝ่ายมีโอกาสในการส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างกันอีกมาก จึงหวังว่าจะใช้กลไกความร่วมมือที่มีอยู่ ทั้งกลไกภาครัฐและภาคเอกชนให้เกิดประโยชน์ร่วมกัน โดยในตอนท้าย นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวย้ำว่า ไทยพร้อมร่วมมือกับภาคเอกชนฝรั่งเศส เพื่อเดินหน้าสู่เศรษฐกิจที่ยั่งยืนร่วมกัน #สำนักข่าวภูมิภาค#โอดี้NEWSรายงาน#โอดี้FMมีเดียประเทศไทย
พ.ย. 23, 2024 0
พ.ย. 23, 2024 0
พ.ย. 21, 2024 0
พ.ย. 21, 2024 0
พ.ย. 21, 2024 0